Ford Escape 3.0XLT SUV พันธ์แท้ราคาไม่แพง

จุดเริ่มต้นของ 154 Car ในการรับซื้อขายรถมือสอง Ford Escape 3.0XLT SUV

Ford Escape 3.0XLT SUV พันธ์แท้ราคาไม่แพง ที่ศูนย์รับซื้อขายรถมือสอง 154 Car

ผมทำอาชีพด้านการรับซื้อขายรถมือสอง ไม่ว่าลูกค้าจะเอารถอะไรมาขาย ถ้าเค้าอยากขายในราคาที่เราซื้อได้มันก็ต้องซื้ออ่ะนะตามหน้าที่ ทำให้มีโอกาสได้ลองขับ หรือลองซ่อมรถหลายๆยี่ห้อ หลายๆรุ่น ( ปกติรถที่จะขายถ้ามีอะไรที่เสียหายผมจะเก็บงานให้ก่อน ) มันก็ทำให้ได้รู้ได้เห็นอะไรเยอะดี มีรถอยู่รุ่นนึงที่ผมเองกลัวมากๆไม่อยากซื้อเลย กลัวขายไม่ออก เพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับรถรุ่นนี้มาเยอะ แ_กน้ำมันบ้าง ( โปรดเติมคำในช่องว่าง เอาตามที่ท่านคิดนั่นแหละ) จุกจิกไม่น่าใช้ หาอู่ซ่อมยาก อะไหล่หายาก ฯลฯ ก็ฟังตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาอ่ะนะครับ ไม่เคยได้ลองจริงๆซักที แต่วันนึงมีลูกค้าเอามาขายครับ ตามหน้าที่ครับก็เลยต้องซื้อไว้ พอได้ลองใช้กับดูแลมันอยู่พักนึงทำให้ผมลืมคำพูดต่างๆที่เคยได้ยินมาทั้งหมดไปเลย เรียกได้ว่าหลงรักมันเข้าแบบเต็มๆ

ไอ้เจ้ารถที่ว่านี่ก็คือ Ford Escape 3.0XLT เรามาทำความรู้จักกับเจ้ารถ SUV พันธ์แท้จากค่ายรถอเมริกันคันนี้กันดีกว่าครับ สำหรับการรีวิวรถทั่วๆไปก็จะต้องพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกกันก่อน แต่สำหรับผม ผมคิดว่าเรื่องความสวยงามหรือรูปลักษณ์นี่เป็นเรื่องของนานาจิตตังนะ เอาเป็นว่าในความรู้สึกผม เจ้ารถรุ่นนี้ภายนอกดูบึกบึนสมกับประเภทของรถดี ยังไม่ตกยุคสำหรับปัจจุบัน ง่ายๆครับถ้าใครชอบรูปลักษณ์ของเจ้า Ford Escape 3.0XLT อยู่แล้วก็ถือว่าเจ้า SUV พันธ์แท้จากค่ายรถอเมริกันคันนี้ชอบผ่านขั้นแรกในการที่จะให้คุณได้ลองเป็นเจ้าของมันแล้วหละครับ

ภายในของรถจะเป็นแบบหุ้มหนังโทนสีครีม ก็ถือว่าอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ในเกรดปานกลาง ไม่มีลายไม้หรือลูกเล่นอื่นๆเหมือนในรถปัจจุบัน ให้ความรู้สึกเรียบๆแต่แฝงความรู้สึกของรถลุยๆไปในตัว ดูแล้วก็ลงตัวกับรูปลักษณ์ภายนอกดีครับ เบาะหุ้มหนังแท้สีครีม เวลานั่งแล้วรู้สึกว่านั่งสบาย ขับทางไกลแล้วไม่เมื่อย คงเป็นเพราะลักษณะของเบาะที่ค่อนข้างสูงด้วยทำให้ท่าในการขับรถอยุ่ในแบบที่คล้ายๆกับนั่งบนเก้าอี้ทำงาน ทำให้ได้ประโยชน์อีกอย่างคือทัศนะวิสัยในการขับที่ดีมากครับ เห็นชัดเจนในทุกมุม เรียกได้ว่าแทบไม่มีจุดอับสายตาเลยทีเดียว เบาะปรับได้ 4 ทิศทาง เข้า-ออก สูง-ต่ำ แต่ไม่มีระบบปรับไฟฟ้ามาให้ นึกแล้วก็เสียดายครับ รถมี Sunroof แต่เบาะดันปรับมือ!!!

มาถึงเรื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มีมาให้ Ford Escape 3.0XLT เจ้าคันนี้ แน่นอนครับที่ผมชอบมากที่สุดคือไอ้เจ้า Sunroof ซึ่งจริงๆแล้วหาได้ยากสำหรับรถแบบนี้ในสมัยนั้น ที่เห็นมีเหมือนกันก็จะเป็น MAZDA TRIBUTE เท่านั้น อย่างว่าแหละครับทำที่เดียวมันก็ต้องเหมือนกันซิ

ในส่วนของอุปกรณ์ความปลอดภัยก็มีเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยสี่ใบ มีที่ด้านหน้าเบาะคู่หน้าสองใบ กับด้านข้างเบาะคู่หน้าอีกสองใบ ระบบ central lock ที่ล็อก-ปลดล็อกได้จากปุ่มตรงประตูบานหน้าทั้งสองฝั่ง กุญแจรีโมตที่มีระบบกันขโมยในตัว คือปลดล็อกครั้งแรกจะปลดเฉพาะประตูหน้าฝั่งคนขับบานเดียว ต้องกดปลดล๊อคอีกทีนึงถึงจะปลดล็อคประตูอีกสามบานที่เหลือ มีประโยชน์ดีครับ เช่นเวลาเรามาคนเดียวในลานจอดรถ ถ้ามีมิจฉาชีพรอจังหวะให้เราปลดล็อคประตูเข้าไปนั่งในรถ แล้วเข้ามาในรถเพื่อจี้เราจากทางเบาะหลังอันนี้จะทำไม่ได้เพราะถ้าเราปลดล็อคแค่ครั้งเดียวประตูจะปลดล็อคแค่บานเดียว แล้วถ้าขโมยงัดประตูจนเปิดออกได้สัญญาณเตือนภัยที่พ่วงกับแตรก็จะดังครับ ( ระบบอันนี้ใช้กับกุญแจด้วยนะครับ คือไขหนึ่งครั้งปลดล็อคเฉพาะประตูคนขับบานเดียว ต้องไขอีกรอบถึงจะปลดอีกสามบานที่เหลือ )

พูดถึงเรื่องกุญแจซะยืดยาวมาถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆบ้างดีกว่าก็มี กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า กระจกไฟฟ้ารอบคัน ที่วางแขนพร้อมกล่องใส่สัมภาระ ที่วางแก้วตรงกลางระหว่างเบาะคู่หน้า ระบบปรับอุณหภูมิภายในตัวรถแบบธรรมดาไม่ใช่ดิจิตอล ถือได้ว่าอุปกรณืที่มีมาให้ครบกับความต้องการดีครับไม่มากไม่น้อยจนรู้สึกว่าอะไรขาดหายไป แต่อยากจะติหน่อยตรงเบรกมือที่อยู่ต่ำเกินไป เวลาจะใช้ทีต้องเอื้อมเอา ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ครับ

ห้องบรรทุกสัมภาระด้านหลังก็กว้างขวางดีครับ ยิ่งถ้าเราพับเบาะหลังให้ราบลงไปด้วยยิ่งใส่ของได้เยอะ น้องๆรถกระบะเลยหละ จัดเต็มได้เลย ที่ด้านหลังมีหลุมใส่ล้ออะไหล่อยุ่ด้วย แต่คันที่ผมได้มานี่ติดแก๊สแอลพีจีถังโดนัท เลยเอาล้ออะไหล่ออกแล้วใส่ถังแก๊สเข้ามาแทน ไม่เปลืองพื้นที่ในห้องเก็บของด้านท้ายดีครับ แต่เดินทางไกลแบบไม่มีล้ออะไหล่ก็อาจจะแอบเสียวๆหน่อยหละ

มาถึงเรื่องเครื่องยนต์กันบ้าง รถ Ford escape มีสามเครื่องยนต์คือ 2.0 , 2.3 , 3.0 เครื่อง 2.0 กับ 2.3 เป็นแบบสี่สูบเรียง ส่วนตัวที่ผมพูดถึงเป็นแบบ 3.0 แบบ 6 สูบ รูปตัวV Duratec 4 วาล์วต่อสูบ Quad-Cam แรงม้าสูงสุดที่ 197 แรงม้าที่ 6000 แรงบิดสูงสุดที่ 265 N.m ที่ 4700 รอบ ระบบจ่ายน้ำมันเป็นแบบหัวฉีด Sequential Multi port ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EEC-V พอดีช่วงที่ผมได้เจ้า Ford escape นี้มาตอนนั้น ผมได้มาทั้งสามเครื่องเลย เรียกได้ว่าโคตรฟลุ๊กครับ เพราะเครื่อง 2.3 กับ 3.0 มันไม่เท่าไหร่รถมีเยอะ แต่กับเครื่อง 2.0 ช่างที่อู่ escape บอกว่ามีไม่ถึง 100 คัน (ไม่รู้อันนี้อำป่าวนะ) พอได้ลองขับทั้งสามคันแล้วเอาความรู้สึกมาเปรียบเทียบกันบอกได้เลยเล่นเครื่อง 3.0 เหอะครับ ซดน้ำมันหน่อยติดแก๊สเอา วิ่งสบายกว่ากันเยอะ เครื่อง 2.0 นี่ไม่ไหวอืดเกิ้น ขึ้นทางด่วนที่เป็นเนินยาวๆยังลำบากเลยครับ ต้องรอรอบกว่าจะมาเล่นเอาเหนื่อย แต่ถ้าหา 3.0 ไม่ได้ 2.3 ก็พอไหวครับสำหรับเรื่องเรี่ยวแรงของรถนะ แต่เรื่องการซ่อมบำรุงค่อยไปว่ากันต่อตอนท้าย

มาถึงช่วงล่างกันบ้าง ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอนโทรลอาร์ม คอยล์สปริง แยกจากแกนสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ อิสระแกนคู่สัมพันธ์ และ เซมิเทรลลิ่งอาร์ม คอยล์สปริง ปรับมุมล้อ Toe – in ขอบอกเลยครับว่าขับแล้วประทับใจ นุ่ม ครับ ขับที่ความเร็ว 130-140 สบายๆ เกาะถนนเป็นเลิศ เข้าโค้งได้เกาะมากไม่มีอาการดื้อโค้งหรือท้ายส่ายให้เห็น อาจจะเป็นเพราะระบบพวงมาลัยของ Ford ด้วยที่ทำให้รถตัวนี้ขับดีมาก กกกก เมื่อเทียบกับรถแบบนี้ที่อายุประมาณนี้ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่บอกได้เลยครับว่า escape ขับดีกว่าเยอะ เจ้า ford escape ตัวนี้มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมาให้ด้วย โดยการเลือกระบบขับเคลื่อนจะใช้ปุ่มกดที่อยู่เหนือที่ปรับความเย็นเป็นตัวเลือกเอาว่าจะใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อหรือขับสองล้อ

ระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิส หลังดรัมพร้อมระบบปรับตั้งเบรคอัตโนมัติ ระบบเบรกนี่อาจจะเป็นข้อด้อยของเจ้ารถรุ่นนี้เลยก็ว่าได้นะครับ เพราะเป็นรถที่เบรคลึกมาก โดยธรรมชาติของตัวมันเองเลย ปรับตั้งให้แข็งขึ้นก็ได้แค่นิดหน่อย ความรู้สึกเวลากดแป้นเบรกมันจะหลอกเท้า ต้องปรับตัวกันนานเลยกว่าจะชิน แต่มันก็เบรกอยู่นะครับไม่ได้ไหลมากจนเกิดอันตราย แต่ต้องบอกตรงๆเลยนะครับว่าไม่ชอบเอามากๆเลยกับความรู้สึกเวลากดแป้นเบรกรถคันนี้

มาถึงเรื่องการซ่อมบำรุงกันบ้าง หลายๆคนที่อยากใช้รถรุ่นนี้ แต่เปลี่ยนใจเป็นรถตัวอื่นก็คงอาจจะเป็นเพราะเรื่องของการซ่อมบำรุงเนี่ยแหละ เพราะคงเคยได้ยินเรื่องไม่ดีกันมาเยอะเกี่ยวกับรถรุ่นนี้ ถ้าเป็นรถตัวเครื่อง 2.0 ผมไม่เถียงนะอะไหล่แพงมาก แถมหายากอีกต่างหาก แต่สำหรับ เครื่อง 2.3 กับ 3.0 อะไหล่หาง่ายกว่า เรื่องอะไหล่ต้องยอมรับว่าแพงกว่ารถญี่ปุ่นแน่นนอน แต่ถ้าลองใช้จริงๆจะรู้ว่ารถมันอึด ยิ่งถ้าใช้อู่ที่ทำรถตัวนี้โดยเฉพาะแล้วบอกได้เลยว่าจบครับ ที่ผมใช้อยุ่มีสองที่ครับ อยู่เส้นรามอินทราทั้งคู่ มีในซอยรามอินทรา 31 ที่นึงตรงเข้าไปซอยประมาณ 700 เมตรอู่อยู่ซ้ายมือสังเกตง่ายๆจะมีรถ escape จอดอยู่เต็มเลยกับอีกที่นึงตรงรามอินทรา กม.9 เก้าอีก อยู่เลยทางลงวงแหวนตะวันออกที่มาจากทางบางนาไปแค่ 20 เมตร มีป้ายบอกว่ารับทำ mazda แต่ตัวนี้ก็ทำได้ครับแนะนำนะครับว่าถ้ามีเวลาให้หาอะไหล่ไปเองแต่ถ้าไม่มีก็ลองให้เค้าหาให้ก็ได้ครับ สำหรับเรื่องเกียร์รถที่เค้าลือกันว่าพังง่ายนั้นอยากให้ลองหารถที่ผลิตตั้งแต่ปี 2004 ขึ้นไปนะครับเพราะมีการแก้ไขเฟืองในตัวเกียร์มาแล้ว และก็เวลาดูแลเกียร์ก็ต้องใช้น้ำมันให้ตรงกับที่เค้าระบุไว้เพราะหลายคนที่เกียร์พังไม่ใช่เพราะเกียร์ไม่ดีนะครับ แต่พังเพราะใช้น้ำมันผิด
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะซื้อเพื่อไปติดแก๊สหรือหารถที่ติดแก๊สมาแล้วขอให้เลือกเป็นตัว 3.0 นะครับเพราะ เป็นระบบวาวล์แบบไฮโดรลิค ไม่ต้องทำการตั้งวาวล์ แต่เครื่อง 2.3 ต้องตั้งทุก 20000 กิโล สำหรับอัตราสิ้นเปลืองของเจ้า 3.0 ก็ราวๆ 9 ก.ม./ลิตร ( แนะนำนะครับว่าติดแก๊สเหอะ จ่ายค่าน้ำมันน่าจะไม่ไหว )

สำหรับเจ้า Ford Escape 3.0XLT เมื่อเทียบราคากับรถแบบเดียวกันในท้องตลาดแล้ว รถตัวนี้จัดว่าถูกกว่า ยิ่งถ้าคุณชอบรูปลักษณ์ของมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ารถแบบเดียวกันของยี่ห้ออื่นๆ อาจจะต้องหาข้อมูลของอะไหล่กับอู่ซ่อมที่ใกล้ๆบ้านบ้าง แต่ปกติคนที่จะซื้อรถมือสองก็ต้องหาข้อมูลพวกนี้บ้างอยู่แล้ว อะไหล่อาจจะแพงนิด แต่ใช้คุ้ม รถขับดี ลุยก็ได้ ใช้เป็นรถครอบครัวก็เหมาะ สรุปเลยแล้วกันนะว่าหลายๆคนที่กำลังอยากลองใช้รถรุ่นนี้อยู่ แต่กำลังลังเลด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง จากที่เคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมา ถ้าถามผมนะผมอยากจะบอกว่า “ลองเลยครับแล้วคุณจะรักมัน”

ธนกฤต 154 Car

 


 หากคุณต้องการปรึกษาก่อนซื้อขายรถ แนะนำที่ ศูนย์รับซื้อขายรถมือสอง 154 Car

ทุกปัญหาการรับซื้อรถมือสอง 154 Car ช่วยคุณได้ ซื่อสัตย์ จริงใจ ยินดีให้บริการ

เพิ่มเพื่อนไลน์ของ 154 Car รับซื้อรถมือสอง รับซื้อรถ รับซื้อรถไกล้ฉัน รับซื้อรถสมุทรปราการ154 car รับซื้อรถมือสอง รับซื้อรถยนต์ รับซื้อขายรถมือสอง